หมวด 1
ข้อความทั่วไป

          ข้อ 1. สมาคมนี้ชื่อว่า “สมาคมศิษย์เก่าอัสสัมชัญอุบลราชธานี” อักษรย่อว่า “สศอบ” เรียกเป็น ภาษาอังกฤษว่า “ASSUMPTION COLLEGE UBONRATCHATHANI ALUMNI ASSOCIATION” อักษรย่อ “ACU.A”
          ข้อ 2. เครื่องหมาย
          ข้อ 3.สำนักงานใหญ่ของสมาคมตั้งอยู่ ณ โรงเรียนอัสสัมชัญอุบลราชธานี
เลขที่ 500 ถนนชยางกูร ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี 34000 :
โทร : 045-284444 Fax : 045-280854
          

หมวด 2
วัตถุประสงค์

          ข้อ 4 วัตถุประสงค์ของสมาคม
              4.1 ส่งเสริมความสามัคคีและความเข้าใจอันดีระหว่างศิษย์เก่าอัสสัมชัญอุบลราชธานี
              4.2 ร่วมดำเนินงานด้านสาธารณกุศล
              4.3 ฟื้นฟู ส่งเสริม เผยแพร่วัฒนธรรม และประเพณีอันดีงามของชาวไทย
              4.4 สนับสนุน  ส่งเสริมการศึกษา  และช่วยเหลือนักเรียนอัสสัมชัญอุบลราชธานีปัจจุบัน
              4.5 ร่วมมือประสานงานกับองค์กรเอกชน  และทางราชการจัดกิจกรรมต่างๆ
              4.6 ส่งเสริมการกีฬาทุกประเภทตามประเพณีนิยมที่ดีงาม  ทั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องการเมือง
              4.7 ประกอบกิจกรรมในการกุศลหรือสาธารณประโยชน์ และช่วยเหลือสมาชิกในการ ฌาปนกิจ และกิจกรรมอื่น ๆ ที่ไม่ขัดต่อศีลธรรมประเพณีและกฎหมาย
              4.8 ไม่มีการจัดตั้งโต๊ะบิลเลียด
              

หมวด 3
สมาชิก

          ข้อ5.สมาชิกของสมาคมมี 4 ประเภท
              5.1 สมาชิกสามัญ ได้แก่ บุคคลที่เคยศึกษาหรือจบการศึกษาจากโรงเรียนนอัสสัมชัญอุบลราชธานีซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว
              5.2 อนุสมาชิก ได้แก่ นักเรียนปัจจุบันของโรงเรียนอัสสัมชัญอุบลราชธานี
              5.3 สมาชิกวิสามัญ ได้แก่ภราดา และครู ของโรงเรียนอัสสัมชัญอุบลราชธานี
              5.4 สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่ บุคคลผู้ทรงเกียรติ หรือทรงคุณวุฒิหรือผู้ที่ให้ความอุปการะสมาคม คณะกรรมการลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม
          ข้อ 6.สมาชิกต้องประกอบด้วยคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
              6.1 เป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว ยกเว้นอนุสมาชิก
              6.2 เป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย
              6.3 ไม่เป็นโรคที่สังคมรังเกียจ
              6.4 ไม่ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลายหรือ ไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือต้องโทษจำคุก ยกเว้นความผิด ฐานประมาท หรือลหุโทษในขณะที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม
          ข้อ 7. สมาชิกต้องเสียค่าลงทะเบียน ต่อไปนี้
                   สมาชิกสามัญ สมาชิกตลอดชีพ เป็นเงิน 500 บาท
                   สมาชิกวิสามัญ อนุสมาชิก และสมาชิกกิตติมศักดิ์ มิต้องเสียค่าลงทะเบียนสมาคมแต่อย่างใด
              3.เป็นบุคคลที่ถูกศาลสั่งให้เป็นผู้ไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือเป็นคนสาบสูญ หรือเป็นบุคคลล้มละลาย
              4.ขาดจากสมาชิกภาพ
              สมาชิกผุ้ถูกลบชื่อออกจากสมาคม ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าป็นสมาชิกอีก จนกว่าจะพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่ถูกลบชื่อ คำขอสมัครเป็นเป็นสมาชิกใหม่ ให้ยื่นต่อเลขาธิการสมาคม และเมื่อได้รับคำขอเช่นนั้นแล้วให้เลขาธิการสมาคมส่งเรื่องให้คณะกรรมการสมาคมพิจารณา ถ้าคณะกรรมการสมาคมพิจารณาแล้วไม่ยอมรับสมาชิกผู้ถูกลบชื่อออกเข้าเป็นสมาชิกอีก คำขอนั้นเป็นอันตกไป แต่สมาชิกผู้นั้นจะยื่นคำขอเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมใหม่อีกครั้งหนึ่ง เมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่คณะกรรมการสมาคมพิจารณาไม่ยอมรับ
ในการลบชื่อสมาชิกออกจากสมาคม และในการรับสมาชิกที่ถูกลบชื่อเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมใหม่
คณะกรรมการสมาคม จะต้องมีมติเสียงข้างมากไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการสมาคมทั้งหมด         

หมวด 4
คณะกรรมการสมาคม

           ข้อ 15.ให้คณะกรรมการสมาคมทำหน้าที่บริหารงานของสมาคม ประกอบด้วยสมาชิกสามัญ จำนวน 15 คน โดยที่ประชุมใหญ่เลือกตั้งจากสมาชิก ซึ่งไม่ใช่กำลังเป็นครูในโรงเรียนอัสสัมชัญ จำนวน 8 คน และ โรงเรียนเลือกตั้งจากสมาชิก ซึ่งกำลังเป็นครูโรงเรียนอัสสัมชัญ จำนวน 4 คน แล้วนำชื่อเสนอต่ที่ประชุมใหญ่ ในวันเลือกตั้งคณะกรรมการสมาคม เพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการต่อไป อธิการ ครูใหญ่ และรองครูใหญ่ หรือ ผู้ช่วยครูใหญ่ให้เป็นอุปนายกคนที่ 1 คนที่ 2 และคนที่ 3 ตามลำดับโดยตำแหน่ง บุคคลที่จะสมัครรับเลือกตั้งเป็นกรรมการสมาคม จะต้องอยู่ในที่ประชุมขณะที่มีการเลือกตั้ง มิฉะนั้น จะไม่มีสิทธิ์ได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการสมาคม ให้คณะกรรมการสมาคมตามความในวรรคก่อนเลือกตั้งกันเอง ในระหว่างคณะกรรมการสมาคมเพื่อ ดำรงตำแหน่งนายก เลขาธิการ เหรัญญิก สาราณียกร นายทะเบียน และตำแหน่งอื่น ๆ ตามที่เห็นสมควร (ยกเว้นตำแหน่งอุปนายก) นายกสมาคมเป็นประธานที่ประชุมคณะกรรมการสมาคมและมีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนและลงโทษ พนักงานของสมาคม ตามระเบียบข้อบังคับที่ได้ตราไว้ หรือตามมติที่ประชุมคณะกรรมการสมาคม อุปนายกสมาคมเป็นผู้ช่วยเหลือนายกสมาคมตามที่ได้มอบหมาย และเป็นผู้ทำหน้าที่เป็นประธานที่ ประชุมคณะกรรมการสมาคมแทนนายกสมาคม เมื่อนายกสมาคมไม่อยู่ หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ในกรณีที่นายกสมาคมพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ให้อุปนายกที่ 1 รักษาการแทนก่อน ครบตามกำหนดวาระ เลขาธิการสมาคมเป็นเลขานุการที่ประชุมคณะกรรมการสมาคม
           ข้อ 16.คณะกรรมการสมาคม มีสิทธิ์เชิญสมาชิกให้เป็นกรรมการที่ปรึกษาได้ แต่ต้องไม่เกิน 10 คน และมีอำนาจตั้งอนุกรรมการขึ้น ตามจำนวนพอสมควร เพื่อประโยชน์ของสมาคมได้ กรรมการที่ปรึกษาและอนุกรรมการ อยู่ในตำแหน่งเท่าระยะเวลาตามวาระของคณะกรรมการ บริหารสมาคม หรือในกรณีที่แต่งตั้งเพื่อกิจการใดโดยเฉพาะ เมื่อหมดความจำเป็นในกิจการนั้นแล้วก็ให้สิ้นสุด ลงไปตามกิจการนั้น ก่อนครบตามวาระของคณะกรรมการบริหาร
           ข้อ 17.คณะกรรมการสมาคม มีอำนาจหน้าที่โดยทั่วไปในการบริหารควบคุมงานของสมาคม ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ข้อบังคับระเบียบและมติของที่ประชุมใหญ่ของสมาคม
           ข้อ 18.คณะกรรมการสมาคมมีอำนาจออกระเบียบข้อบังคับของสมาคม ตามวัตถุประสงค์หรือข้อบังคับของสมาคม
           ข้อ 19.คณะกรรมการสมาคมดำรงตำแหน่งคราวละ 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่
          กรรมการสมาคมย่อมพ้นจากตำแหน่งเมื่อ 
              1) ถึงคราวออกตามวาระ
              2) ตาย
              3) ลาออกและได้รัอนุมัติจากที่ประชุมกรรมการสมาคม
              4) ขาดสมาชิกภาพ
               ถ้าตำแหน่งกรรมการสมาคมว่างลง เพราะเหตุอื่นนอกเหนือจากกำหนดออกตามวาระ ให้คณะกรรมการสมาคมแต่งตั้งสมาชิกสามัญที่เห็นสมควรเข้าเป็นกรรมการสมาคม แทนตำแหน่งที่ว่าง และ ให้กรรมการสมาคมที่เข้ารับตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่ง เท่าระยะเวลาตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน
           ข้อ 20.คณะกรรมการสมาคม จะต้องประชุมกันอย่างน้อยเดือนละครั้ง เว้นแต่ในกรณีซึ่งนายกสมาคมเห็นว่าในเดือนนั้น ๆ ไม่มีเรื่องสำคัญหรือรีบด่วนที่จะต้องเรียกประชุมคณะกรรมการสมาคม ก็ให้ นายกสมาคมมีอำนาจสั่งงดการประชุม สำหรับเดือนนั้น ๆ ได้
           กรรมการสมาคมจำนวนไม่น้อยกว่า 3 คน มีสิทธิ์ร้องขอให้มีการประชุมกรรมการสมาคมเพื่อพิจารณาข้อเสนอใด ๆ ก็ได้และนายกสมาคม จะต้องจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการสมาคมตามคำร้องขอนั้นภายใน 7 วัน นับแต่วันได้รับคำร้องขอดังกล่าว
           ข้อ 21.การประชุมคณะกรรมการสมาคมทุกครั้ง ต้องมีกรรมการสมาคมมาประชุมไม่น้อยกว่า 2ใน 3 จึงถือเป็นองค์ประชุม มติของที่ประชุม คณะกรรมการสมาคมให้ถือเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ เว้นแต่ที่ได้มีบัญญัติ ไว้เป็นอย่างอื่น กรรมการสมาคมคนหนึ่งมีสิทธิ์ออกเสียงเพียง 1 คะแนน กรณีที่มีคะแนนเสียงเท่ากัน ประธานที่ ประชุมคณะกรรมการสมาคมออกเสียงชี้ขาดได้อีก 1 คะแนน การออกเสียงคะแนนในที่ประชุมคณะกรรมการสมาคมให้ใช้วิธียกมือ เว้นแต่กรรมการ สมาคมไม่น้อยกว่า 3 คน ร้องขอให้ลงคะแนนลับ
           ข้อ 22.กรรมการขอสมาคมเป็นตำแหน่งกิตติมศักดิ์ไม่มีเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะ ที่จะพึงรับเป็นการตอบแทนจากสมาคม

หมวด 5
การบริหารงาน การเงิน และการบัญชี

          ข้อ 23. หนังสือสัญญาหรือนิติกรรมใดๆ ที่ได้กระทำในนามของสมาคม จะมีผลผูกพันสมาคมก็ต่อเมื่อหนังสือสัญญาหรือนิติกรรมนั้น ๆ ไม่เป็นการขัดกับวัตถุประสงค์ข้อบังคับ มติและระเบียบของ สมาคม และมีนายกสมาคมกับกรรมการสมาคมอีกอย่างน้อยสองนาย ลงนามพร้อมกับประทับตราสมาคม
          ข้อ 24.การเงินของสมาคม ให้ดำเนินการไปตามที่คณะกรรมการสมาคมเห็นสมควร และให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการสมาคม
          ข้อ 25. เงินของสมาคมให้ฝากไว้กับธนาคารใดธนาคารหนึ่งที่คณะกรรมการสมาคมเห็นสมควรในนามของสมาคม
          ข้อ 26.นายกสมาคมมีอำนาจจ่ายเงินของสมาคม ในนามของสมาคมได้ไม่เกินครั้งละ 3,000 บาท ถ้าเกิน 3,000 บาทต้องรับอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการสมาคม
          ข้อ 27. ให้เหรัญญิกจัดให้มีสมุดบัญชีทางการเงินสมาคม พร้อมด้วยหลักฐานและใบสำคัญในการรับ และจ่ายเงินให้ถูกต้องตามหลักวิชาการบัญชี
             หลักฐานและใบสำคัญในการรับจ่ายเงินทุกฉบับ เหรัญญิกจะต้องเก็บรักษาไว้ให้เรียบร้อยครบถ้วนเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี เพื่อการตรวจสอบ
          ข้อ 28.ให้ที่ประชุมใหญ่แต่งตั้งผู้สอบบัญชีรับอนุญาตซึ่งมิใช่กรรมการของสมาคมเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีของสมาคม 1 คน
          ข้อ 29.การสั่งจ่ายเงินจากบัญชีเงินฝากของสมาคม หรือ จากหลักทรัพย์อื่น ๆ ของสมาคม เมื่อได้รับอนุมัติตามข้อ 26 แล้วให้นายกหรืออุปนายกคนใดคนหนึ่ง เป็นผู้ลงชื่อร่วมกับเหรัญญิกและเลขาธิการสมาคม
          ข้อ 30.ให้เหรัญญิกจัดทำบัญชีและงบดุลประจำปีของสมาคม เสนอต่อคณะกรรมการสมาคมแล้วให้ผู้สอบบัญชีที่ได้รับอนุญาตตรวจสอบและรับรอง เพื่อเสนอต่อที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี
          ข้อ 31.ให้เหรัญญิกมีสิทธิ์ เก็บรักษาเงินสดไว้ได้ไม่เกิน 2,000 บาท เพื่อสะดวกแก่การจ่ายในกิจการประจำตามปกติก็ได้
          

หมวด  6
การประชุมใหญ่

          ข้อ 32ให้นายกสมาคมจัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญปีละครั้ง ตามวัน เวลา และสถานที่ ซึ่งคณะกรรมการสมาคมจะได้กำหนด
          ข้อ 33.. องค์ประชุมใหญ่ประกอบด้วยสมาชิกเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า 100 คน จึงจะถือว่าเป็นองค์ประชุม การประชุมใหญ่คราวใดมีสมาชิกไม่ครบองค์ประชุมให้คณะกรรมการสมาคมเรียกประชุม อีกครั้งหนึ่ง ภายในกำหนด 30 วัน และในครั้งนี้จะต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 50 คน จึงจะถือว่าเป็นองค์ประชุม
          ข้อ 34.มติของที่ประชุมให้ถือตามเสียงข้างมาก หากคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
          ข้อ 35.กิจการที่จะพึงกระทำในการประชุมใหญ่สามัญ มีดังต่อไปนี้.
              1) รับรองรายงานการประชุมครั้งที่แล้ว
              2) คณะกรรมการสมาคมแถลงผลงาน
              3) พิจารณารับรองงบดุล
              4) เลือกตั้งคณะกรรมการสมาคม เมื่อถึงกำหนดออกตามวาระ
          ข้อ 36.การประชุมใหญ่วิสามัญ จะกระทำได้ต่อเมื่อคณะกรรมการสมาคมเห็นสมควร หรือสมาชิก จำนวนไม่น้อยกว่า 50 คน ลงชื่อร้องขอเป็นหนังสือต่อคณะกรรมการสมาคม ก็ให้คณะกรรมการสมาคม จัดการประชุมใหญ่ ตามที่ร้องขอภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องขอนั้น การประชุมใหญ่วิสามัญให้ถือองค์ประชุมเช่นเดียวกับประชุมใหญ่สามัญ
          ข้อ 37.ในการประชุมใหญ่ทุกครั้งนายกหรืออุนายกของสมาคมเป็นประธานที่ประชุม และเลขาธิการของสมาคมเป็นเลขานุการ เพื่อจดรายงานการประชุม หากที่ประชุมใหญ่ได้มีมติอย่างใดแล้วให้ถือว่าเป็นข้อผูกพันที่คณะกรรมการสมาคมจะต้องปฏิบัติตาม
          ข้อ 38.หนังสือเรียกประชุมใหญ่ทุกคราว ให้ส่งไปยังสมาชิกก่อนวันนัดประชุม ไม่น้อยกว่า 15 วันในหนังสือนั้นให้ระบุสถานที่ วัน เวลา และระเบียบวาระด้วย ถ้าการประชุมใหญ่ครั้งใด จะต้องพิจารณารับรองรายงานการประชุม และหรือพิจารณารับรองงบดุล ให้ส่งสำเนารายงานการประชุม และหรืองบดุลไปพร้อมกับหนังสือเรียกประชุมใหญ่นั้นด้วย
          ข้อ 39.ในการประชุมใหญ่สมาชิกสามัญ มีสิทธิ์ออกเสียงคนละหนึ่งเสียงเท่ากัน การออกเสียงลงคะแนนของสมาชิก เป็นสิทธิ์เฉพาะตัวจะแต่งตั้งตัวแทนไม่ได้ เว้นแต่คู่สมรสของบุคคลตามข้อ 6 (2) เท่านั้น
          ข้อ 40.การออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุม ให้ใช้วียกมือ เว้นแต่สมาชิกที่เข้าประชุมและมีสิทธิ์ออกเสียงจำนวนเกินกว่า 1 ใน 3 ร้องขอให้ลงคะแนนลับ

หมวด 7
การแก้ไขข้อบังคับ

          ข้อ41.การแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับของสมาคม และการตราข้อบังคับของสมาคมขึ้นใหม่ จะทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ด้วย คะแนนเสียงสองในสามของสมาชิกที่มีสิทธิ์ออกเสียงลงคะแนนซึ่งเข้าประชุม ให้คณะกรรมการสมาคมส่งร่างข้อบังคับที่ขอแก้ไขไปพร้อมกับหนังสือเรียกประชุมด้วย
          

หมวด 8
การเลิกสมาคม

          ข้อ 42.สมาคมนี้จะเลิกโดยมติของที่ประชุมใหญ่ ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวน สมาชิกทั้งหมด
          ข้อ 43.เมื่อสมาคมเลิกและได้ชำระบัญชีแล้ว ถ้ามีทรัพย์สินเหลืออยู่เท่าใดให้ตกเป็นของมูลนิธิคณะ เซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย เพื่อนำไปใช้ประโยชน์แก่กิจการของโรงเรียนอัสสัมชัญอุบลราชธานี โดย ความเห็นของของอธิการและคณะกรรมการบริหารของโรงเรียน

หมวด 9
บทเฉพาะกาล

          ข้อ44. ให้คณะกรรมการชุดปัจจุบัน  อยู่ในตำแหน่งต่อไปภายใต้ข้อบังคับนี้จนครบวาระ